ก่อนจะไปพูดถึงความแตกต่างระหว่าง D50 กับ D65 เรามาพูดถึงองค์กรที่ดูแลเรื่องนี้กันก่อน ซึ่งก็คือ CIE (COMMISSION INTERNATIONALE DE L’ECLAIRAGE) เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อกำหนดมาตรฐานของการส่องสว่างของแสงและสี ตั้งอยู่ที่ออสเตรีย
CIE ได้มีการกำหนดมาตรฐานเป็นซีรีย์ต่าง ๆ คือ Illuminant A – มีการกระจายพลังงานใกล้เคียงกับหลอดไฟทังสเตน หรือหลอดไฟ Incandescence ที่ มี Color temperature ประมาณ 2848 K
Illuminant B – เป็นแหล่งกําเนิดแสงที่ได้จากหลอด Illuminant A ที่ผ่านตัวกรองแสงแล้วให้แสงแดด ตอนเที่ยงโดยมี Color temperature ประมาณ 4900 K
Illuminant C – เป็นแหล่งกําเนิดแสงที่ได้จากหลอด Illuminant A ที่ผ่านตัวกรองแสงแล้วให้แสงแดดตอนกลางวัน โดยมี Color temperature ประมาณ 6700 K
Illuminant D – เป็นแหล่งกําเนิดแสงที่ใช้แทนแสงแดดตอนกลางวัน แต่มีความละเอียดของ Color temperature ที่ต่างกันเช่น D50 , D65 โดยที่
D50 เป็นแสงแดดตอนกลางวันที่มี Color temperature 5000 K D65 เป็นแสงแดดตอนกลางวันที่มี Color temperature 6500 K
Illuminant E – แสงจากแหล่งพลังงาน
Illuminant F – แหล่งกำเนิดแสงจากหลอดฟลูออเรสเซ้นต์
Illuminant L – แหล่งกำเนิดแสงจากหลอด LED
แล้วความแตกต่างระหว่าง D50 กับ D65 ล่ะ ?
D65 อุณหภูมิสีของแสง 6500K เป็นแสงตอนเที่ยงโซนยุโรป อเมริกา เหมาะสำหรับใช้ดูสีงานผ้า หรือดูเพชร
D50 อุณหภูมิสีของแสง 5000K แสงอาทิตย์โซนเอเชีย เหมาะสำหรับการตรวจสอบสีงานพิมพ์, งานประเภทกราฟฟิคดีไซน์, ภาพถ่าย, ตรวจสอบสีพลอย
จะเห็นว่าทั้งสองแบบแตกต่างกันที่อุณหภูมิสีของแสงและการใช้งาน ดังนั้นลูกค้าจะเลือกซื้อหลอดไฟประเภทใดก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และมาตรฐานที่ลูกค้าใช้